วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ถั่วเหลืองกินมากไปไม่ดี


ถั่วเหลืองเป็นหนึ่งในอาหารที่เรียกว่า "ซูเปอร์ฟู้ด" เพราะสามารถต้านโรคมะเร็งทรวงอก ทำให้กระดูกแข็งแรงและให้ผู้ที่เป็นเมนโนพอสมีอาการดีขึ้น ซึ่งปัจจุบันถั่วเหลืองถูกแปลงรูปให้อยู่ในรูปแบบต่างๆ เช่น นมถั่วเหลือง เต้าหู้ โยเกิร์ต ชีส ฯลฯ

จีนเป็นชาติแรกที่เพาะปลูกถั่วเหลือง โดยนำมาใช้ทั้งทำเป็นยาและอาหาร ซึ่งปีที่แล้วจีนต้องนำเข้าถั่วเหลืองจากประ เทศต่างๆ นับล้านตัน เพราะที่เพาะปลูกไม่เพียงพอที่จะบริโภคในประเทศ


ปัจจุบันในอุตสาหกรรมอา หารนำถั่วเหลืองเข้าไปเป็นส่วนประกอบของสินค้ามากขึ้น โดยอยู่ในชื่อ "แป้งถั่วเหลือง" "น้ำมันพืช" "โปรตีนคอนเซนเทรต" "เลซิธิน" "แพลนต์ สทีรอล" ฯลฯ ผู้คนหลายล้านคนเชื่อว่าถั่วเหลืองเป็นพืชที่ดีต่อสุขภาพ เนื่องจากให้โปรตีนที่ไม่มีกรดไขมันอิ่มตัว ไม่เพิ่มระดับคอเลสเตอรอล

อย่างไรก็ตาม มีหลักฐานพบมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า ถั่วเหลืองอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ เช่น จากการศึกษาลิงเพศผู้ที่กินนมถั่วเหลืองของมหาวิทยาลัยเอดินเบิร์ก ประเทศอังกฤษ พบว่า ลดระดับฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนในลิงลดลง

การศึกษาหลายชิ้นของนักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นยังพบว่า ถั่วเหลืองเข้าไปขัดขวางการทำงานของต่อมไทรอยด์ โดยเข้าไปกั้นไอโอดีนที่จำเป็นต่อต่อมไทรอยด์ ส่งผลให้น้ำหนักเพิ่มอ่อน เพลีย อารมณ์แปรปรวน ผู้ที่เป็นโรคไทรอยด์จึงได้รับการแนะนำว่า ไม่ควรรับประทานหัวกะหล่ำ ถั่วลิสง หัวเทอร์นิปส์ ไพน์นัต เพราะเป็นพืชที่เข้าไปขัดขวางการทำงานของต่อม ไทรอยด์เช่นเดียวกับถั่วเหลือง

ดร.มาริลิน เกลนวิลล์ นักโภชนาการ ผู้แต่งหนังสือเรื่อง "Nutritional Health Handbook For Women" แนะนำว่า "การรับประทานอาหารต้องรับประทานแต่พอดี เพราะถั่วเหลืองจะดีต่อสุขภาพถ้าเราไม่ทานมากเกินไป คือ วันละ 30 กรัม เป็นจำนวนที่กำลังเหมาะ"

ที่มา : http://www.tttonline.net/TTT2/hotcontent/contents_view.php?page_name=lifestyle&conts=2457

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น